ตั้งแต่บทสนทนาในวงกาแฟไปจนถึงข่าวที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ วันนี้ต้องยอมรับ ความจริงข้อหนึ่งว่า “ข่าวร้าย” ปรากฏให้เห็นมากกว่า “ข่าวดี”
ข่าวร้ายที่ว่ายอดขายของบริษัทขนาดใหญ่กำลังดิ่งลงแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ข่าวร้ายที่มีการปลดพนักงานเป็นรายวัน ท่ามกลาง “ข่ายร้าย” เหล่านั้น
วันก่อนได้อ่านข่าวเล็กๆ (ย้ำว่าเล็กจริง ๆ) ข่าวหนึ่งที่พูดถึงการเติบโตอย่างสวนกระแสของแบรนด์เสื้อผ้าราคาถูกที่ชื่อ “ยูนิโกร” สามารถตอบโจทย์ได้ตรงใจ
ผู้บริโภค ทำให้จากการจัดอันดับล่าสุดของบอร์ด แมกกาซีน ปรากฏว่าข้าวของ “ยูนิโกร” กลายเป็นบุคคลที่ติดอันดับร่ำรวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มากกว่านั้น
ยังรวยและมีมูลค่าแบรนด์เหนือกว่า “แก็ป” ต้นตำรับแบรนด์เสื้อผ้าราคาถูกในสหรัฐอเมริกา พลันให้นึกถึงคำพูดของ “ไชย ไชยวรรณ” บิ๊กบอสแห่ง
“ไทยประกันชีวิต” ที่พูดไว้ไม่นานมานี้ เขาบอกว่า “วิกฤตเศรษฐกิจโลกไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ไม่ได้เลวร้ายกับทุก ๆ คน ในวิกฤตยังมีโอกาสสำหรับผู้ประกอบ
การในหลายเซ็กเตอร์” เขาเล่าให้ฟังถึงข้อมูลการเติบโตของบริษัทผลิตเมล็ดพันทางการเกษตรที่ขายดีแบบถล่มทลาย เพราะนักบริโภคในสหรัฐอเมริกา
ที่เคยซื้อ ซื้อ และก็ซื้อ เริ่มหันมาสนใจที่จะผลิตอาหารและปลูกผักกินเอง หรือกระทั่งในธุรกิจที่ขายทูน่ากระป๋องที่ผลิตกันแทบไม่ทัน เพราะผู้บริโภคที่กำลังใช้
นโยบายรัดเข็มขัดให้ครัวเรือนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้เลิกใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารจากเนื้อสัตว์ราคาแพง แต่หันมากินอะไรแบบแบ็กทูเบสิก
อย่างปลาทูน่ากระป๋อง วิกฤตจึงไม่ได้มาแบบเดี่ยวๆ แต่ยังมาพร้อมโอกาสสำหรับโอกาสสำหรับคนที่พอมองเห็น ล่าสุดนิตยสารผู้ประกอบการยอดนิยมใน
สหรัฐอเมริกา “อองเทอร์เพอเนอร์” จึงได้หยิบเอา “ธุรกิจแห่งโอกาส” ที่ว่ามาจัดลำดับ โดย 10 อันดับของธุรกิจที่ว่าประกอบด้วย
1. ที่ปรึกษาทางธุรกิจ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีพนักงานจำนวนมากที่กำลังถูกออกหรือเตรียมออกจากงาน จากนโยบายการปลดคนของบริษัทจำนวนไม่น้อย
ทำให้พวกเขากำลังหาลู่ทางในการทำธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจให้คำปรึกษาในการนำพาผู้ประกอบการมือใหม่เหล่านี้ไปสู่ความสำเร็จจึงเป็นที่ต้องการ
2. เครือข่ายทางสังคมสำหรับธุรกิจ (social networking for business) เช่นเดียวกับข้อแรกที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องการ
การเข้าถึงเครือข่ายทางสังคมจำนวนมากเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่จะเป็นตัวกลางในการประสานให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถเข้าถึง
เครือข่าย
3. พลังงานทางเลือก ในยุคที่ใคร ๆ ก็ต้องการรัดเข็มขัดธุรกิจพลังงานทางเลือก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้บริโภคที่กำลังต้องการลดต้นทุนในเรื่องพลังงานทั้งใน
ธุรกิจและการดำรงชีวิต
4. บริการด้านสิ่งแวดล้อม ในการจัดอันดับครั้งนี้เขายอมรับว่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อมถือเป็นเรื่องใหม่ในสหรัฐอเมริกา (น่าจะเป็นเช่นเดียวกันกับไทย :
ผู้เขียน) ดังนั้นคนที่เริ่มก่อนจึงมีโอกาส
5. ธุรกิจสุขภาพ ว่ากันว่าไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับธุรกิจในหมวดนี้ย่อมได้รับความสนใจจากผู้คน เพราะทุกคนล้วนอยากมีอายุที่
ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
6. ธุรกิจร้านทำเล็บและธุรกิจเสริม ความงาม ผู้ที่วิเคราะห์ก็มองเช่นเดียวกันว่า จะอย่างไรนี่ก็เป็นเซ็กเตอร์ที่ไม่เคยเติบโตลดลงเลยไม่ว่าจะผ่านวิกฤตมากี่ครั้งกี่หน
7. ธุรกิจร้านค้าจำหน่ายสินค้าราคาถูก วันนี้ไม่มีอะไรที่คนต้องการมากไปกว่าสินค้าราคาที่ถูกที่สุด ผู้วิเคราะห์มองว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จลองดูตัวอย่าง
ที่วอล-มาร์ด และร้าน 99 เซนต์ โอนลี่ สโตร์ (คล้ายกับร้าน 100 เยน) ทำ
8. สินค้าประเภทลักเซอรี่ หรือสินค้าที่จับกลุ่มตลาดบน ว่ากันแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่สำหรับ คนระดับบนที่มีเงินพอที่จะจับจ่ายมากมาย พวกเขายังมีเงิน
พอที่จะซื้อสินค้าและบริการ ดังนั้นสำหรับคนที่จับตลาดในเซ็กเตอร์ยังมีอนาคต
9. สินค้าด้านไอที ธุรกิจนี้สามารถเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจในแง่ของการลดต้นทุน เช่น การลดต้นทุนด้านการเดินทางผ่านการประชุมออนไลน์
10. ธุรกิจจัดการเครดิตและหนี้ แน่ละว่าการวางแผนจัดการเรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่อง ที่มีความจำเป็นในลำดับต้น ๆ ของชีวิตผู้บริโภค และด้วยเหตุผลทั้งหมด
ที่กล่าวมา เป็นการตอกย้ำให้เห็นอีกครั้งว่า ในวันที่ เต็มไปด้วยข่าวร้าย ข่าวดียังพร้อมที่จะ เกิดขึ้นเสมอ หวังเพียงคุณจะเป็นคนหนึ่งที่มองเห็น